ประวัติ

จากนั้นอีก 500 - 600 ปีต่อมา ที่ประเทศญี่ปุ่นจึงมีการเล่น ที่เรียกว่า 
"คามารี่" และมีการพัฒนาการนำหนังสัตว์มาทำเป็นลูกบอล แต่ว่าทำให้มันกลมขึ้น แตก ต่างจากสมัยราชวงศ์ ฮั่น มีการเล่นที่เป็นแบบแผนและสง่างามมากขึ้น แม้แต่ในราชสำนักยังนิยมเล่นกันในงานราชพิธีต่างๆ ซึ่งวิธีการเล่นก็ง่ายๆ โดยมีข้อแม้ ห้ามใช้แขน แต่ให้ใช้เท้า, ขา, หน้าอก, เข่า รวมทั้งศีรษะ เดาะบอล ภายในเขตกำหนด แล้วส่งบอลต่อไปให้ผู้เล่นคนอื่น ใครที่ทำบอลหล่นตกลงสู่พื้นถือว่าแพ้ เกมนี้เป็นที่นิยมกันมาก จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้ที่นิยมเล่นกันในประเทศญี่ปุ่น
 ส่วนในทวีปยุโรป กีฟาฟุตบอลที่ว่านี้ ก็เริ่มนิยมเล่นกันตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน โบราณ โดย กรีก จะเรียกว่า "อีปิสกายรอส" ขณะที่ โรมัน จะเรียกว่า "ฮาร์ปุสตัม" ซึ่งการเล่นจะแบ่งเป็น 2 ฝ่ายในพื้นที่สี่เหลี่ยม มีเส้นแบ่งกึ่งกลางสนามและเส้นเขตแดน โดยผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องพยายามแย่งลูกฟุตบอลเล็กๆ แล้วใช้มือส่งบอล พาไปยังเขตแดนฝั่งตรงข้ามจนทำประตูให้ได้ ซึ่งการเล่น"อีปิสกายรอส" หรือ "ฮาร์ปุสตัม" ค่อนข้างจะไม่มีกฏเกณฑ์อะไรมาก สามารถเข้าไปอัด, กระแทก หรือ ชก คู่ต่อสู้ที่ถือบอล เพื่อพยายามแย่งบอลมาให้ได้ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่าย 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น